[TE] น้อง [Aiko story(diary)]

(กดฟังเพลงนี้เพิ่มฟีลลิงด้วยนะ จิ้ม)

(ขอให้ไปอ่านในนี้ก่อนนะคะ จิ้ม )

 

 

ฉันมีน้องชายฝาแฝดอยู่คนนึง

น้องชายฝาแฝดของฉันเป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาด เรียนเก่ง มีมารยาท มีความสามารถ และมีเป้าหมาย แต่อีกอย่างนึงก็คือมันเด็กคนขี้แย

ตั้งแต่จำความได้ไม่ว่าเรื่องอะไรโชตะก็มักจะร้องไห้เสมอ ดีใจ เสียใจ หรือโกรธ เด็กคนนั้นมักจะมีน้ำตาไหลออกมาให้รู้สึกตลกได้เสมอ นั่นคือสาเหตุว่าทำฉันถึงชอบทำให้เจ้าเด็กนั่นร้องไห้ เพราะว่ามันตลกมากๆยังไงล่ะ

 

‘เราเกลียดนายจริงๆ’

ฉันแกล้งพูดคำนี้ในวัย6ขวบต่อหน้าโชตะ ซึ่งผลมันแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าเด็กนั่นร้องไห้ขี้มูกโป่ง หลังจากนั้นฉันก็พูดคำนี้บ่อยๆเวลาโมโห เพราะฉันชอบเห็นโชตะร้องไห้แล้วฉันจะอารมณ์ดีเสมอ เพราะการอยู่ในบ้านใหญ่มันทำให้ฉันมักจะอึดอัดกับทุกสิ่งทุกอย่าง การแกล้งโชตะให้ร้องไห้ถือเป็นงานอดิเรกของฉันเลยล่ะ

ส่วนลึกในใจฉันก็รู้สึกอิจฉาเด็กนั่น ฉันอิจฉาที่ทุกคนชมว่ามันเป็นเด็กดี อิจฉาที่คุณย่ารัก อิจฉาที่คุณย่ากอด ทั้งๆที่คุณย่าไม่เคยทำอย่างนั้นกับฉันเลยแม้แต่ซักครั้ง และที่สุดคือฉันอิจฉาที่โชตะมีความฝัน ในขณะที่ฉันไม่มีอะไรเลย

 

 

ซากุราอิ ไอโกะเป็นเด็กที่ว่างเปล่า

 

 

วันนั้นเป็นวันหยุดฤดูร้อน ฉันนั่งอยู่ที่ริมแม่น้ำและทะเลาะกับลูกพี่ลูกน้อง แรงผลักของเด็กผู้ชายทำให้ฉันกระเด็นและลอยไปตามน้ำ และใช่ ไอโกะเองก็งี่เง่าพอที่จะว่ายน้ำไม่ได้ ฉันกลืนน้ำเข้าไปหลายอึกแล้วเริ่มจะหมดแรงที่จะพยายามดิ้นรนให้มีชีวิต  และฉันก็ค่อยๆหลับตาลง

ฉันตื่นมาในห้องของโรงพยาบาลเอกชน คุณปู่กอดฉันไว้แน่นและถามว่าฉันเป็นอะไรหรือเปล่า ฉันรู้สึกเหนื่อยอยู่เพียงเล็กน้อยเลยตอบว่าไม่เป็นอะไรและถามหาพ่อกับแม่ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณปู่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

 

ฉันอยู่หน้าห้องห้องICU ห้องที่น้องชายฝาแฝดของฉันอยู่ในนั้น

 

โชตะเป็นคนกระโดดว่ายไปลากฉันกลับเข้าฝั่ง จนตัวเองโดนน้ำซัดไปกระทบหิน ทำให้อาการโคม่า คุณแม่กอดฉันแล้วร้องไห้อย่างหนักจนพูดจาไม่รู้เรื่อง ส่วนคุณพ่ออยู่ในห้องนั้นและพยายามที่จะช่วยชีวิตโชตะอย่างสุดความสามารถ

 

นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันคุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองข้างกุมเอาไว้แล้วกรีดร้อง

 

‘พระเจ้าเจ้าขา โปรดช่วยน้องชายของลูก นั่นคือสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของลูก ลูกสาบานว่าหากเขามีชีวิตรอด ทั้งชีวิตลูกจะทำเพื่อเขา จะปกป้องเขา ลูกจะไม่ขออะไรอีกแล้ว ได้โปรด อย่าพาน้องชายลูกไปสู่อ้อมกอดของพระองค์เร็วนักเลย ลูกสาบาน ลูกจะรักเขาให้ยิ่งกว่าชีวิตของลูก ได้โปรด ได้โปรด’

 

ฉันพึมพำราวกับคนบ้า นั่นคือสิ่งที่ฉันกลัวยิ่งกว่าความตาย ฉันกลัวว่าเด็กคนนั้น น้องชายของฉันจะต้องจากฉันไปจริงๆ ฉันลงไปดิ้นทุรนทุรายกับพื้น ความเจ็บปวดของแผลที่ฉันได้รับมันไม่ได้เท่ากับความทรมานในการต้องรอว่าคนที่อยู่ในห้องICUจะเป็นหรือตายเลยซักนิด

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปตอนไหน พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งคุณพ่อยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนล้า และบอกว่าน้องปลอดภัยแล้วนะไอโกะ วินาทีนั้นกันกอดพ่อแน่นและกราบขอบพระคุณพระเจ้าในใจที่ฟังคำขอร้องของฉัน ฉันขอร้องให้พ่อพาไปหาโชตะเพื่อที่จะรู้ว่าน้องปลอดภัยจริงๆไหม และคุณพ่อก็พาไป

 

‘พี่ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม?’

ฉันโผเข้ากอดร่างของโชตะไว้และพูดขอโทษราวกับคนบ้า เสียงร้องไห้ปนกับเสียงพูดจนแทบจะฟังไม่ออก โชตะไม่ได้พูดอะไรมากนัก มือเล็กๆนั้นลูบหัวฉันไว้ราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร

หลังจากนั้นฉันสาบานกับตัวเองว่าจะยกทั้งชีวิตให้เด็กคนนี้

 

 

 

เพราะคุณพ่อต้องย้ายจากฮอกไกโดไปทำงานที่ต่างเมือง ฉันซึ่งเป็นลูกจึงขอย้ายมาตามด้วย ส่วนโชตะที่เพิ่งได้รับคัดเลือกให้เข้าไปอยู่ในทีมเบสบอลของโรงเรียนจึงขออยู่ที่ฮอกไกโดต่อ

โชตะเล่นเบสบอลตั้งแต่ประถม มีคนหลายคนบอกเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ มือซ้ายของโชตะมีพลังเยอะมาก นั่นทำให้มีคนหลายคนจับตามองน้องชายของฉันตั้งแต่เด็ก และใช่ฉันภูมิใจมากๆ และดีใจมากๆที่เด็กคนนั้นมีความฝันและพยายามที่จะพุ่งไป

ฉันวิดิโอคอลกับโชตะแทบทุกวัน ต่อให้วันไหนมีซ้อมดึกเด็กคนนั้นก็จะยอมมาคุยกับฉันทั้งๆที่เหนื่อยมากๆ และแน่นอนว่าฉันเองก็เห็นแก่ตัวพอที่จะยื้อไว้ให้ได้คุยกันนานๆ ก็แหม ฉันก็คิดถึงน้องตัวเองถูกไหม 😛

วันนั้นเป็นวันก่อนที่โชตะจะเข้าพิธีจบการศึกษา หมอนั่นร้องไห้หนักมากเพราะว่าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในเรื่องเบสบอลรับหมอนั่นเข้าเรียนในฐานะโควต้านักกีฬา ฉันหัวเราะหนักมากเมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกันยังกะแกะร้องไห้ซะจนน่าเกลียดแบบนั้น

 

 

แต่แล้วอากาศดีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

คุณพ่อได้รับโทรศัพท์จากที่บ้านใหญ่ ว่าโชตะเข้าโรงพยาบาล เราทุกคนรีบไปซับโปโรในคืนนั้น และวินาทีที่ฉันเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไป ไปวินาทีที่ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

น้องชายของฉันแตกสลายแล้ว

 

โชตะยิ้มให้ฉันอย่างร่าเริงในขณะที่มือข้างซ้ายมีอะไรไม่รู้เยอะแยะติดเต็มไปหมด โชตะไม่ได้ร้องไห้ หมอนั่นเพียงแต่ยิ้มแล้วบอกว่าดวงซวยจริงๆเลยนะ ฉันไม่สามารถทนเห็นภาพนั้นได้เลยขอตัวกลับบ้านใหญ่

แต่ฉันโกหก ฉันนั่งอยู่หน้าห้องผู้ป่วยในขณะที่โชตะยกมือทุบเตียงด้วยความแตกสลาย หมอนั่นร้องไห้อย่างหนักแต่พยายามกลั้นเสียงไว้ เด็กผู้ชายคนนั้นกอดร่างที่สั่นเทาของตัวเองไว้แล้วพึมพำว่าทำไม ทำไม ทำไม

 

ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?

โชตะชวดโควต้านักกีฬา และมือซ้ายของหมอนั่น….

 

ฉันทรุดลงกับหน้าประตูห้องพักก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นเสียงร้องไห้ ฉันไม่อยากให้โชตะรู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้และอ่อนแอไปพร้อมๆกัน ฉันฟังเสียงโชตะร้องไห้ทั้งคืนในขณะที่ตัวเองก็ร้องไห้ไม่หยุด

วันต่อมาฉันไปที่โรงเรียนของโชตะ และลากไอพวกเวรนั้นชกเรียงคนโดยมี ทาคาระ เพื่อนสนิทของโชตะเป็นคนช่วย ฉันไม่รู้ว่าฉันโมโหมากแค่ไหน ฉันรู้ว่าความรู้เรื่องการต่อสู้ที่เรียนมาไม่สมควรเอามาใช้แบบนี้ แต่เพราะว่าฉันโกรธ ฉันโกรธมากๆ ฉันชกพวกมันไม่หยุดจนรู้สึกเจ็บมือ

 

แต่มันไม่เจ็บเท่ากับน้องชายของฉันตอนนี้

ฉันรู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรไม่ได้เลย

 

ฉันอยากให้โชตะย้ายไปเมืองฮาบาทากิกับฉัน ฉันแอบค้นหาดูลับๆก็พบว่าโรงเรียนฮาบาทากิเองก็มีชมรมเบสบอลยอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายแบบนั้น

 

“เธอคิดหรอว่าการเป็นนักเบสบอลมันจะมั่นคง”

“หนูเชื่อในตัวน้องค่ะคุณย่า! ได้โปรดเถอะค่ะ ให้โชตะไปฮาบาทากิกับหนู ให้โชตะมันได้เล่นเบสบอล หนูขอร้อง”

 

ฉันก้มลงขอร้องแทบเท้าของคุณย่าอย่างทิ้งแล้วทุกศักดิ์ศรี คุณย่าเงียบไปซักพักจนใจฉันรู้สึกไม่ดี

 

“เลิกกับไอลูกชาวประมงนั่นสิ”

“คุณย่า!”

“หรือว่าแค่นี้เธอจะแลกไม่ได้ … รู้ไหมการกระทำทุกอย่างก็ต้องมีเรื่องแลกเปลี่ยน”

 

แฟนคนแรกของฉันเป็นลูกชาวประมง เขาเคยอยู่ที่ซับโปโรและเป็นเพื่อนสนิทของโชตะ ก่อนเราจะย้ายไปฮาบาทากิพร้อมๆกันเนื่องจากพ่อกับแม่ของอีกฝ่ายเลิกกัน

ฉันไม่เคยชอบผู้ชายคนไหนเท่าเซย์จิมาก่อน ฉันพูดได้เต็มปากเลยว่าฉันรักเขา และต่อให้หมอนั่นเป็นลูกชาวประมงจนๆฉันเองก็ไม่ได้สนใจอะไร และทุกๆอย่างมันกำลังไปได้ดี โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าคุณย่ารังเกียจแฟนของฉันขนาดนี้ ฉันเชิดหน้าขึ้น มองหน้าคุณย่า

 

“ได้ หนูจะเลิกกับเซย์จิ”

 

เพราะฉันสาบานแล้วว่าไม่ว่ายังไงฉันจะปกป้องโชตะ ไม่ว่ายังไความสุขของน้องชายฉันต้องมาก่อน

เพราะงั้นไม่เป็นไร ร้องไห้เถอะนะโชตะ

พี่สาวมาช่วยแล้ว 🙂

 

 

วันที่โชตะได้กลับไปเล่นเบสบอลอีกครั้ง ฉันเห็นชีวิตในดวงตาของน้องชายของฉัน มันส่องประกาย มันมีความฝัน และโชตะได้กลับมาเป็นเด็กขี้แยอีกครั้ง

ฉันอยากจะเดินไปขอบคุณทุกๆคนที่ช่วยฉุดน้องชายฉันขึ้นมาจากบ่อแห่งความสิ้นหวังนั้น ฉันชอบเวลาเด็กนั้นยิ้ม และฉันยังคงชอบที่สุดเวลาเด็กคนนั้นร้องไห้ และฉันหวังว่าน้ำตาที่ไหลมาจะเป็นน้ำตาแห่งความสุข อันที่จริงต่อให้มันทุกข์ก็ไม่เป็นไร

 

เพราะฉันเห็นคนหลายคนพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างน้องชายของฉัน

ขอบคุณ

 

 

 

“ที่โชตะขี้แยน่ะไม่ใช่เพราะขี้ขลาดนะ”

“ฮึก…จะจริงหรอ”

“อื้อ! เพราะโชตะน่ะแบกน้ำตาของพี่สาวอยู่ไง! เพราะงั้นต่อให้ขี้แยก็ไม่เป็นไร”

ไม่เป็นไรนะโชตะ ร้องไห้ไปเถอะ

เพราะโชตะน่ะร้องไห้เผื่อพี่สาวด้วยไง เพราะงั้นไม่เป็นไร

ฉันจะปกป้องเอง

ใส่ความเห็น