[TE] responsibility [HASHIBA YOSHISUNE] (side story)

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ yuinou 結納

 

“โยจัง… ทำหน้าให้มันดีๆหน่อยได้ไหมคะ?”

 

โยจัง ที่ว่าพอได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจออกมาแบบอดไม่ได้ ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาเมื่อถูกหญิงวัยกลางคนหยิกเข้าที่เอว

 

“เดี๋ยวเถอะ ยาโยยจังมาเห็นเข้าเขาจะรู้สึกยังไง”

“โห … โดนจับหมั้นตั้งแต่ม.ปลายเขาคงจะดีใจหรอก โอ๊ยๆๆ อย่าหยิกสิป้า”

 

หญิงวัยกลางคนถอนหายใจแล้วย้ายมือขึ้นมาจัดแต่งชุดสูทของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเสยหน้าขึ้นมาสบสายตากับคนที่เธอเลี้ยงมากับมือราวกับลูกแท้ๆด้วยแววตาที่อ่านยากเกินกว่าจะตีความได้

 

“โยจัง หน้าที่ของนายน้อยฮาชิบะ ไม่ใช่สิ่งที่จะมีทางเลือกมากหรอกนะคะ” เธอกล่าวออกมาเรียบๆ ก่อนจะสัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าชะงักไป จึงระบายรอยยิ้มบางออกมา“ ยาโยยจังเป็นเด็กน่ารักนะโยจัง ละม้ายคล้ายท่านแม่ของโยจังสมัยเด็กๆเลยค่ะ”

 

โยชิสึเนะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ “ผมเป็นลูกพ่อ แต่ใช่ว่าผมจะรสนิยมเหมือนพ่อนะ”

 

“ดิฉันเป็นคนเลี้ยงโยจังมาทำไมจะไม่รู้ล่ะคะ”

 

หลังตรวจสอบความเรียบร้อยเธอก็อดที่จะมองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ตัดสินใจจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กคนนี้ เด็กชายตัวกลมในวันนั้นเติบโตมาเป็นเด็กหนุ่มรวดเร็วขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ พอได้คิดแบบนี้น้ำตาก็พลันคลอขึ้นมาจนอดที่จะยกชายกิโมโยมาเช็ดไม่ได้

 

“ ป้าริสะ…. ร้องไห้ทำไมครับ?” มือหนาจับเข้าที่บ่าของพี่เลี้ยงของตัวเองอย่างอ่อนโยนก่อนจะเผยรอยยิ้มจนเห็นเขี้ยวอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ “โถ ร้องแบบนี้ไม่สวยเลย ระวังแก่ไวนะ..โอ๊ยๆๆๆ”

 

“เห็นดิฉันเป็นแบบนี้แล้วก็กวนตลอดเลยนะคะ”

“ก็ไม่เห็นจะต้องหยิกเลยนี่นา เอวผมเขียวหมดแล้ว”

 

ได้ยินแบบนั้นริสะโอะก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งๆที่กังวลมากนั้นแต่คนตรงหน้าก็ยังจะเล่นลิ้นได้เสมอ เธอเอื้อมมือไปกุมมือเด็กหนุ่มตรงหน้าเบาๆ

 

“ทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ แล้วก็เคย์จังก็อยู่นะคะ ไม่ต้องกังวลมากนะคะ”

“โหพูดแบบนั้นก็ยิ่งกังวลเข้าไปใหญ่เลย”

 

ไม่ปล่อยให้รอนาน เสียงที่คุ้นหูของ ฮาชิบะ เคย์ ก็ดังขึ้นตรงประตูว่าแขกจากตระกูลยามาโอกะมาถึงแล้ว ก่อนจะถูกไล่โดยคนที่เป็นพี่ชาย โยชิสึเนะถอนหายใจออกมาก่อนจะสบสายตากับพี่เลี้ยงของตัวเอง

 

“ผม… จะเป็นฮาชิบะที่ดีที่ได้ใช่ไหม?”

 

ริสะโอะนิ่งไปกับคำถามที่ได้รับมา เธอระบายรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า มือที่กุมไว้แตะลงเบาๆราวกับจะปลอบประโลมอีกคน

 

“แน่นอนค่ะ นายน้อยจะเป็นฮาชิบะที่ดีได้แน่ๆ”

 

 

 

 

 

 

 

——————————————————-

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ dojo

“นายน้อย ยาโยยซังมาหาแหนะ”

 

เสียงตะโกนดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงโห่ร้องที่มีเป้าหมายคือการแซว นายน้อยฮาชิบะ โยชิสึเนะทำหน้าไม่พอใจวูบนึงแต่ก็ได้แต่กดอารมณ์นั้นไว้เงียบๆ เขาวางดาบไม้ไว้บนม้านั่งก่อนจะเดินไปหาแขก’คนสำคัญ’ ของตัวเอง

 

“ไหนว่าวันนี้ไม่ว่างไง”

“พ่อฉันบอกว่าช่วงนี้คะแนนเสียงพรรคมันไม่ขาดลอยเท่าไร มันควรจะดีกว่าถ้าเราแบบ..ยังไงดี ออกไปเที่ยวด้วยกัน ช่วงนี้การใช้วัยรุ่นเรียกคะแนนเสียงมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ” คนตรงหน้าระบายรอยยิ้มหวานเขินอายขัดกับคำพูด “ช่วยทำหน้าให้ดีๆหน่อยได้หรือเปล่าโยชิสึเนะ มีคนหลายคนมองเราอยู่นะ”

 

ดวงตาคมฉายไปรอบๆ จริงอยู่อย่างที่อีกฝ่ายว่า ในโดโจของบ้านเขาเองก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่พวกของฮาชิบะ มีทั้งผู้คนที่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่เข้ามารับการฝึกด้วย และแน่นอน คนพวกนี้เป็นฐานเสียงสำคัญของทั้งสองตระกูลล่ะนะ

 

 

คู่รักหวานแหวของฮาชิบะกับยามาโอกะ หลายคนอยากเห็นแบบนั้น

อยากจะอาเจียนออกมาจริงๆ

 

 

 

“แต่ช่วงนี้ฉันใกล้จะแข่งแล้ว” เด็กหนุ่มกอดอก “อีกอย่างฉันมีซ้อมให้เด็กๆด้วย”

“โย นายคิดว่าฉันอยากทำหรอ…ทางฝั่งฉันก็บังคับมาทั้งนั้นแหละ”

 

คนตรงหน้ามีดวงตาที่กลมโตเหมือนลูกกวาง เรือนผมสีดำขลับยาวสวยนั้นถูกลมพัดปลิวสไวไปมาให้น่าหลงใหล ใบหน้ารูปไข่เข้ารับกับริมฝีปากสีชมพูที่ตอนนี้เอ่ยถ้อยคำเจ็บแสบออกมาไม่หยุด

 

“แต่ฉันไม่ว่างจริงๆนี่นา เอางี้ เธอก็มานั่งรอฉันซ้อมเฉยๆก็ได้”

“….เอาจริงดิ นายซ้อมตั้งหลายชั่วโมงนะ!”

“ แล้วแต่เธอแล้วกัน” เขาวางมือลงบนหัวอีกฝ่ายด้วยท่าทีอ่อนโยนแต่หนักแน่นกว่าปกติ “เวลาซ้อมฉันสำคัญกว่าเยอะเลย”

 

เหมือนอีกฝ่ายอยากจะด่าเขาเต็มแต่ทำได้แค่ปั้นรอยยิ้มที่หลายคนบอกว่า น่ารัก ออกมา มือน้อยๆนั้นจับมือที่กำลังลูบหัวตัวเองอยู่ด้วยแรงที่มากกว่าปกติ จนรู้สึกเจ็บขึ้นมา โยชิสึเนะคิดขึ้นมาว่าคนตรงหน้านี่มัน งูพิษ ชัดๆ

 

“ได้เลยค่ะ โยคุง ฉันจะไปรอตรงนั้นนะคะ ซ้อมให้สนุกค่ะ”

 

เหมือนจะเห็นอีกฝ่ายเบ้ปากออกมาเบาๆ แต่ก็ใช่ว่าเขาจะสนใจซะที่ไหนล่ะ โยปล่อยมือจากศรีษะอีกคน ก่อนจะหันหลังกลับไปซ้อมเคนโด้โดยไม่ได้สนใจอะไรอีก

 

ตั้งแต่วันที่ผู้ใหญ่นัดดูตัวกันเมื่อหลายเดือนที่แล้ว ฮาชิบะ โยชิสึนะ กับ ยามาโอกะ ยาโยย ก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น คู่หมั้น กันอย่างเป็นทางการ แน่นอน ในทางสังคมย่อมประหลาดใจกับในยุคสมัยใหม่นี้ยังมีการจับคลุมถุงชนกันอยู่อีก

 

แต่ในทางการเมืองไม่ใช่แบบนั้น

 

เบื้องหน้าตระกูลฮาชิบะรามือจากการเมืองไปนานแล้วก็จริง แต่เบื้องหลังนั้นด้วยความที่เป็นเครือข่ายใหญ่ และด้วยคอนแนคชั่นมากมาย ย่อมไม่น่าแปลกใจเลยที่จะค่อนข้างมีอิทธิพลอยู่พอสมควร การที่ฮาชิบะจับมือกับยามาโอกะที่เบื้องหน้านั้นเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัว ย่อมเสริมอิทธิพลให้แก่กันและกันอยู่แล้ว

ด้วยความที่สังคมทางการเมืองนั้นค่อนข้างที่จะแปรพรรคให้หลายคนกลายเป็น งูพิษ กันได้ง่ายๆ การที่เชื่อมฮาชิบะกับฟุริยะเข้าด้วยการหมั้นหมาย นับเป็นวิธีที่เชยและล้าสมัย แต่ก็เป็นวิธีที่ได้ผลเกินคาด ผู้คนเชื่อมั่นในการบริหารของยามาโอกะ และเชื่อมั่นในอิทธิพลของฮาชิบะ

 

ได้ทั้งอำนาจ ได้ทั้งคะแนน

ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

 

แน่นอน ต่อให้ไม่พอใจขนาดไหน ก็ใช่ว่าพวกเขาสองคนจะมีสิทธิมีเสียงมากในเรื่องนี้ คำว่านายน้อยฮาชิบะ กับคุณหนูยามาโอกะมันรัดคอพวกเขาจนไม่สามารถจะหนีไปได้เลย

 

ไม่ใช่ว่าตัวโยชิสึเนะกับยาโยยไม่เคยพยายามที่จะชอบกัน แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันนานๆ ทั้งนิสัย ทัศนคติ และหลายๆอย่างมันทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึก ต่อต้าน กันซะมากกว่า

แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ การหมั้นและการแต่งงานในอนาคตของพวกเขาสองคน ใช่ว่าจะเป็นเรื่องของคนสองคน หรือสองตระกูลซะเมื่อไร คำว่าหน้าที่มันทับถมอยู่บนบ่าใช่ว่าจะเกินจริงนักหรอก

 

พวกเขาเกิดมาในตระกูลที่ดี มีกินมีใช้มากกว่าคนอื่น

ก็ย่อมมีสิ่งที่ต้องแลกมาเหมือนกัน

 

 

 

ใช้เวลาค่อนข้างนานพอควรในการซ้อมแต่ล่ะครั้ง โยชิสึเนะถอดอุปกรณ์ต่างๆออก จนเหลือแต่ฮากามะ เขามองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นยาโยยอยู่ตรงบริเวณที่คนนั่งรอกัน ก่อนจะต้องไปถามผู้ฝึกคนอื่นๆ

 

“เอ… ถ้าเป็นยาโยยจังเห็นว่าออกไปข้างนอกตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

 

โยชิสึเนะไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินออกจากโดโจไปตามบริเวณที่ผู้ฝึกคนดังกล่าวบอก เขาเดินหาอยู่ไม่นานก็เจออีกฝ่ายอยู่ในมุมที่ลับตาผู้คน กำลังจะกล่าวถามว่าทำไมถึงมายืนมืดๆคนเดียว ก็พบว่า อีกฝ่ายไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว

 

“ยาโยยจัง มันเป็นไปไม่ได้หรอก”

“แต่ ทาเครุจะทิ้งฉันจริงๆหรอคะ? ฉันน่ะ…ฉัน”

“ยาโยยจัง” อีกฝ่ายยกมือปาดน้ำตาที่แก้มเด็กสาว “ผมน่ะ … รักยาโยยจังนะ แต่ เราทำแบบนี้มันผิด”

“ฉัน….”

“แล้วเจอกันนะยาโยยจัง ….”

 

ยาโยยเอื้อมมือจะยื้อตัวอีกฝ่ายแต่ก็ก็ชะงักไป ผู้ชายที่เหมือนจะชื่อทาเครุ นั้นส่งแววตาที่เหมือนกับจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อออกมาก่อนจะหันหลังเดินจากไป เด็กสาวนั่งยองๆกับพื้นก่อนจะปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น โยชิสึเนะเห็นแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งยองๆตรงหน้าอีกคน หล่อนสะดุ้งตกใจจนเขาอยากขำออกมา

 

“…มาตั้งแต่เมื่อไร”

“ เมื่อกี้ แต่ไม่ได้โง่จนจับใจความไม่ถูก” เขายักไหล่ “ ทำไมไม่บอกพ่อแม่เธอไปว่ามีแฟนอยู่แล้ว”

 

อีกฝ่ายทำสีหน้าปั้นยากออกมา ก่อนจะพยายามกลั้นเสียงสะอื้น

 

“…เขาเป็นอาจารย์ที่สอนพิเศษฉัน”

“……..”

 

คราวนี้เป็นโยชิสึเนะที่ใบ้กินไปแทน เขายกมือขึ้นเกาหัวตัวเองก่อนจะถอนหายใจ ทีแรกเขาแค่คิดว่าถ้าอีกคนมีแฟนแล้วจะสามารถยกเลิกการหมั้นนี้ได้ง่ายๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเคสที่อยากขนาดนี้

 

คุณหนูยามาโอกะแอบคบกับอาจารย์ตัวเอง

คะแนนเสียงพรรคหดแน่

 

“ใจเย็นดิ มันน่าจะพอมีทางแก้”

“มันไม่มีแล้วโย เขาจะไปอังกฤษแล้ว!” ยาโยนยกมือปิดหน้าปิดหน้า “ได้ยินไหม! เขาจะทิ้งฉันไปอังกฤษแล้ว”

 

อีกฝ่ายร้องไห้เสียงดังจนโยชิสึเนะทำตัวไม่ถูก แต่ไหนแต่ไรมาเขาเองก็ไม่ได้อยุ๋กับผู้หญิงมากนักนอกจากแม่กับน้องสาว แล้วถ้าเป็นน้องสาวเขาร้องไห้เขายิ่งแหย่ให้ร้องกว่าเดิม เขาทำตัวเงอะงะก่อนจะตบบ่าอีกคน

 

“หยุดร้องก่อนน่า ทุกปัญหามีทางแก้”

“มันไม่มีทางแก้ทั้งนั้นแหละ นอกจากฉันหรือนายจะไปบอกกลางที่ประชุมเองว่าจะถอนหมั้นกันน่ะ!”

 

เหมือนจะเกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนสองคน ดวงตาทั้งสองสบสายตากันเหมือนมีไอเดียแว้บเข้ามา

 

“ถ้าฉัน… เป็นคนขอถอนหมั้น”

“เธอทำไม่ได้น่า เธอจะถอนด้วยเหตุอะไรเล่า อีกอย่างนะ พ่อเธอยอมตายแหละ”

“นายมีเหตุผลที่ดีกว่านี้หรือไง”

 

โยขมวดคิ้ว

 

“บอกว่าฉันทำผู้หญิงท้อง….”

“ไอบ้า! แล้วนายจะไปหาผู้หญิงท้องมาจากไหน”

ทั้งสองคนคิดไม่ตกก่อนจะถอนหายใจออกมา โยชิสึเนะเงียบไปก่อนจะจีบบ่าอีกคนไว้ทั้งสองข้าง แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

 

“ไว้ประชุมรอบหน้าฉันจะพูดเอง…ไว้ค่อยโทรคุยกันทีหลังว่าเอาไง”

“….เสียเซล์ฟเลยนะ กับตอนจะไปเดทกับฉันนายไม่เห็นจะมุ่งมั่นเท่าตอนคิดจะถอนหมั้นเลย”

“ คู่หมั้นแอบคบซ้อนฉันคงมั่นใจได้อยู่แหละ”

 

และทั้งคนก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะคิดแผนที่จะเริ่มทำในการประชุมที่จะมาถึงนี้

มันจะต้องโอเค

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

 

 

โอเคก็บ้าแล้ว

 

“แกมันบ้าหรือเปล่าโย!! แกเล่นไปพูดเรื่องถอนหมั้นกลางผู้คนแบบนั้นได้ยังไง! แกเห็นหน้าพวกยามาโอกะ กับยาโยยจังไหม! แกยังมีหัวคิดอยู่หรือเปล่า!”

 

โยชิสึเนะนั่งคุกเข่าเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้โพล่งขึ้นมาระหว่างที่คนตระกูลยามาโอกะกับฮาชิบะกับนั่งรับประทานเย็นและหารือเรื่องการหาเสียงกันอยู่

 

‘ผมจะถอนหมั้นกับยัยนี่’

‘ผมไม่ได้ชอบยาโยย อีกอย่างสเปคผมน่ะชอบฝรั่งมากกว่ายัยนี่อีก’

 

 

แน่นอนว่ายาโยยเล่นละครเป็นสาวน้อยที่ถูกคู่หมั้นหักหน้ากลางงานเลี้ยงอาหารของครอบครัวได้เป็นอย่างดี เด็กสาวปิดปากวิ่งออกไปจากห้องรับประทานอาหารของฮาชิบะด้วยน้ำตาคลอเบ้าจนเขาแอบหมั่นไส้ไม่ได้ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนคิดบทพูดให้เขาแท้ๆ

แน่นอนว่าโยชิสึเนะเตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องใหญ่ที่จะตามมาอยู่แล้ว ว่าเขาจะโดนพ่อด่าขนาดไหน

 

 

 

แต่เขาก็ลืมนึกไปเลย ว่า ฮาชิบะ ไม่ได้มีแต่พ่อแม่ลูก

 

 

 

“นายน้อยกระทำไปโดยไม่ได้ไตร่ตรองอะไรเลย คิดว่าแบบนี้มันใช้ได้หรอครับ?”

“การกระทำแบบนี้มันส่งผลเสียกระทบเป็นวงกว้างมาก ถ้ารู้ว่าฮาชิบะกับยามาโอกะแตกคอกันเพราะแค่นายน้อยนิยมชมชอบต่างชาติ…. นายน้อยคิดว่ามันจะไม่มีผลต่อการเลือกตั้งของยามาโอกะเลยหรอครับ”

 

เด็กหนุ่มพยายามกลั้นที่จะไม่ถอนหายใจใส่พวกคนเฒ่าเก่าแก่ของตระกูลสาขา เขาไม่พูดตอบโตอะไรจนกระทั่งริสะโอะเดินเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

 

“สายจากยามาโอกะค่ะ”

 

ฮาชิบะ มิทสึฮิเดะ หรือนายใหญ่ของฮาชิบะชะงักไป ดวงตาเรรียวคมเหลือบมองลูกชายคนเดียวของตัวเองเงียบๆก่อนจะเดินออกไปรับโทรศัพท์ โดยไม่ได้เหลียวหลังมามองอีก

 

ทิ้งให้เขาต้องเจอกับคำพูดที่คอยแต่กรอกหูซ้ำไปซ้ำมา

 

“แบบนี้เรากับยามาโอกะอาจจะต้องแตกหักกันเพราะแค่นายน้อยคนเดียว”

“พวกผมคิดว่านายน้อยจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้”

“ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าตาตระกูลเลย”

“ทำแบบนี้ไม่สมกับเป็นว่าที่นายใหญ่เลยนะครับ”

“ไม่สมกับเป็นฮาชิบะ”

 

ไม่สมกับเป็นฮาชิบะ

ไม่สมกับเป็นฮาชิบะ

ไม่สมกับเป็นฮาชิบะ

ไม่สมกับเป็นฮาชิบะ

ไม่สมกับเป็นฮาชิบะ

 

โยชิสึเนะอยากจะตะโกนใส่หน้าพวกตาเฒ่าว่าแล้วฮาชิบะมันต้องเป็นแบบไหนล่ะ แต่เขาก็ทำให้เพียงแค่นิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรต่อไป ทนรับคำสบประมาทด้วยท่าทีนิ่งสงบ เพราะมันคือสิ่งที่เขาต้องแลกมากับการที่ทำตระกูลขายหน้าอยู่แล้ว

 

“ฉันว่าทุกคนควรพอได้แล้วนะคะ ถึงโยชิสึเนะจะเป็นแค่นายน้อย แต่ก็เป็นรองแค่พ่อของเขาเท่านั้นเอง”

 

สิ้นเสียงคำสบประมาททุกอย่างก็เงียบหายลง ร่างระหงเดินเข้ามานั่งข้างๆโยชิสึเนะด้วยท่าทีสง่าสงาม ดวงตากระจ่างมองไปคนที่พูดถ้อยคำโหดร้ายใส่ลูกชายของตัวเองด้วยสายตานิ่งเรียบ

 

“ท่านนาเดชิโกะ…แต่ว่า”

“ทุกคนบอกว่าให้เกียรติฮาชิบะ แต่ทำไมถึงไม่ใส่เกียรติฮาชิคนนี้ล่ะคะ” เธอกล่าวขึ้นมาเรียบๆ “และต่อให้ไม่ใช่นายน้อย พวกคุณคิดว่าสมควรหรอที่เอาแต่นั่งยัดถ้อยคำแย่ๆลงหัวสมองเด็กม.ปลายน่ะ ไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่เลยนะคะ”

 

รับรู้ได้ว่าพวกกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ไม่พอใจพอสมควร แต่ก็ไม่ใครกล้าปริปาก เพราะต่างก็รู้ว่านายใหญ่รักนายหญิงมากแค่ไหน หากเผลอไปแตะต้องเข้า หน้าที่การงานพวกเขาก็อาจจะเสียหายกันพอดี ในขณะที่ทุกอย่างกำลังอึมครึมได้ที่ มิทสึฮิเดะก็เลื่อนประตูออกมาพอดี

 

“ริสะโอะ ส่งแขกด้วย”

“แต่… นายท..”

“บอกว่า” เขาปรายตามองเรียบๆ “ส่งแขก”

 

หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกลับกันหมด

 

“เอาล่ะ ฉันจะบอกว่า แกไม่เนียนเลยนะโยที่บอกว่าชอบฝรั่ง แกยังต้องไปสอบซ่อมอังกฤษอยู่เลยไม่ใช่หรอ?”

 

ถ้าเป็นหนังสือการ์ตูน ช่องที่มีใบหน้าของโยชิสึเนะจะเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามมากมาย ก่อนจะถูกผู้เป็นพ่อขัดขึ้นมา

 

“รสนิยมแกไม่ต่างจากฉันหรอก”

“ไม่จริงอ่ะ”

“ไอไก่อ่อน แกเจอฝรั่งก็เป็นลมแล้ว อย่าว่าจะไปคุยกับเขาเลย”

 

คนเป็นพ่อกล่าวขึ้นมาก่อนจะหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาเคี้ยว เพราะตอนนี้มีภรรยาคนสวยอยู่ในห้องเลยหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบไม่ได้ มิทสึฮิเดะถอนหายใจเบาๆ

 

“ยาโยยจังบอกรับไม่ได้ที่โดนหักหน้า ก็เลยจะขอถอนหมั้นท่าเดียวเลย ทางยามาโอกะก็เหมือนจะเห็นด้วย”

 

ก็แน่สิ ก็เป็นคนสมรู้ร่วมคิดนี่นา!

โยชิสึเนะได้แต่คิดแต่ไม่ได้กล่าว

 

“… พวกเราเลยตกลงกันว่า… จะถอนหมั้นจริงๆ” เขากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ “โดยทางยามาโอกะจะเป็นปล่อยข่าวว่าทางนั้นเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเอง เพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงเสียหน้ามาก แต่แกอ่ะเสียหน้าโคตรๆเลยจ้า”

 

คนเป็นพ่อพูดก่อนจะหัวเราะเสียงดังก่อนจะร้องโอ๊ยเมื่อภรรยาหยิกเข้าที่เอว

 

“นาเอะ!”

“เอาแต่พูดเล่นอยู่ได้”

“พ่อจะโกรธผมก็ได้นะ…เอาจริงๆก็สมควรโดนโกรธอยู่แล้ว”

 

เมื่อเห็นพ่อเอาแต่พูดเล่นเขาเลยอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ การโดนด่ายังดีซะกว่าโดนทำเป็นเหมือนตัวตลกแบบนี้อีก

 

“โกรธสิวะ”

“…..”

“แต่โกรธแล้วได้อะไร แกจะได้กลับไปหมั้นหรอก็ไม่ เสียสุขภาพจิต เสียเวลา”

“พ่อ….”

“ไม่ต้องมาซึ้ง ยังไงแกก็ต้องโดนทำโทษ”

 

โยชิสึเนะนั่งนิ่ง

 

“ตอนนี้ ยามาโอกะไม่พอใจเรา แต่เขาก็จำเป็นต้องใช้เราอยู่” เขาเว้นช่วงก่อนจะกล่าวต่อ “พวกแกสองคนต้องถอนหมั้นจริงๆแล้วแหละ แต่เรายังไม่ประกาศเร็วๆนี้ ต้องรอให้ทางนั้นเขาเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยก่อน แล้วค่อยปล่อยออกมาเป็นข่าวลือเงียบๆ แต่…”

 

“….?”

 

“ยาโยยจังตัดสินใจขอไปเรียนต่อที่อังกฤษก่อน ยามาโอกะโอเคแล้วล่ะ พอไปอยู่ไกลๆเราก็จะสามารถปล่อยข่าวพวกกได้ ผลกระทบจะได้ไม่เยอะ แล้วก็นะเป็นการดีที่จะบอกว่าพวกแกไกลกันมาก เลยต้องเลิกกันอะไรทำนองนี้”

 

โยชิสึเนะได้ยินแล้วก็แอบเบ้ปากในใจ ยัยนั่นคิดไว้หมดแล้วล่ะสิ

 

“แต่…โย การที่แกทำมันเป็นเรืองที่ไม่สมควรอยู่ดี ต่อให้แกเป็นลูกฉัน แกก็ต้องรับผิดชอบ” เขาสบสายตากับผู้เป็นภรรยา “ ลดบทบาทในฐานะนายน้อยชั่วคราว แล้วแกต้องไปอยู่ที่อื่นไกลๆซักระยะ”
kjhjh

“แต่! ถึงขั้นต้องให้ผมไปที่อื่นด้วยหรือยังไง!” เขาลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห “แล้ว! เรื่องโรงเรียน ไหนจะเรื่องชมรม แล้วก็เรื่องแข่ง ผมไม่ได้สนเลยว่าใครจะมองยังไงเพราะงั้น…”

 

“ฉันเคยสอนแกว่ายังไง” ดวงตาคมปรายตามองลูกชาย “แกเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะกว่าคนอื่น ตระกูลแกมีชื่อเสียง สิ่งที่แกต้องแลกมาคือรับผิดชอบสิ่งเหล่านั้น…แกอยากให้คำที่พวกตาแก่นั้นตาแก่ว่าแกไม่สมกับเป็นฮาชิบะเป็นของจริงหรือยังไง”

 

ครั้งนี้โยชิสึเนะนิ่งไปราวกับถูกแทงใจดำ เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจนั่งลงเงียบๆ แล้วถอนหายใจออกมา

 

 

“นานแค่ไหน”

 

“จนกว่าจะเรียนจบ” โยชิสึเนะขมวดคิ้วจนผู้เป็นพ่อต้องขัดขึ้นมา “แกจะได้ไปรักษาโรคตื่นสนามของแกด้วยไง เปลี่ยนสถานที่บ้าง”

 

เด็กหนุ่มทำเพียงแค่ไม่พอใจอยู่ข้างในเงียบๆเท่านั้น

 

“แล้วพ่อจะส่งผมไปที่ไหน”

 

ผู้เป็นพ่อยกยิ้ม

 

“ฮาบาทากิ”

 

มันคือที่ไหนเนี่ย !!!

 

– – – – – – – – – –

 

  • คือมันควรจะถูกปล่อยตั้งแต่ปีสองแล้วใช่หรือไม่ /โดนเขย่าคอ
  • ฮาชิบะไม่ใช่เป็นตระกูลนักการเมืองค่ะ แต่มีคนเล่นการเมือง /งงไหม– เหมือนกับว่าพวกสายตรงไม่มีใครเล่นการเมือง แต่คนอื่นในตระกูลมีบ้างค่ะ(พวกลูกพี่ลูกน้อง พวกญาติอะไรแบบนี้) โยชิสึเนะเป็นสายตรงค่ะ
  • ให้ปล่อยสตอรี่แล้วเย้ๆ ปล่อยมันตอนจะจบนี่แหละ
  • ถ้างงก็…ขอโทษค่ะ แง้—

 

ใส่ความเห็น